บทที่ 7 บทที่ 7 เข้าวัง
วันนี้เป็นวันที่ต้องเข้าวัง ฟางซูลี่ค่อนข้างตื่นเต้นไม่น้อย นางมิได้โลภมากอยากได้ตำแหน่งสนมรักเพียงแต่นางไม่รู้ว่าตนจะต้องรับมือกับสิ่งใดบ้างก็เท่านั้น ฟางซูลี่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าอย่างสง่างาม โดยมีหลิงหลิงติดตามมาคอยรับใช้
ฉีอ๋องมองดูบุตรสาวของตนคราหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ลี่เอ๋อร์ วังหลวงมิใช่สถานที่เล่นสนุก เจ้าต้องระวังตัวให้มาก อย่าลืมส่งจดหมายกลับแคว้นฉีด้วยเล่า"
ฟางซูลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาแย้มยิ้มให้ผู้เป็นบิดา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์
"เฮ้อ ส่งจดหมายแต่ละคราย่อมต้องมีค่าฝากค่าเดินทาง มิใช่จะส่งก็ส่งได้ มิสู้ท่านพ่อมอบสินเดิมเพิ่มให้ลูกเป็นค่าส่งจดหมาย ดีหรือไม่เจ้าคะ"
"หน้าเงิน!!!"
"ขอบคุณท่านพ่อที่กล่าวชมลูก"
"เหอะ!!! ไม่ส่งก็ไม่ต้องส่ง ใครจะอยากรออ่านจดหมายของเจ้ากัน"
"ลูกก็ไม่ได้อยากส่งอยู่แล้วเจ้าค่ะ"
หลิงหลิงมองดูสองพ่อลูกปะทะฝีปากกันก็รู้สึกสั่นสะท้านในใจไม่น้อย
คุณหนูของนางช่างปากจัดไม่เบา!!! เป็นเช่นนี้จะใช้ชีวิตอยู่ในวังอย่างสงบสุขได้จริงหรือ
รถม้าจอดลงที่หน้าประตูวังหลวง หลังจากนั้นบิดาของนางก็แยกย้ายไปอีกทางหนึ่ง ส่วนฟางซูลี่นั้นมีขันทีเดินนำทางไปยังตำหนักใหญ่พร้อมกับสาวงามอีกสามแคว้น เพื่อถวายพระพรไท่ซ่างหวงและจินไท่เฟย
ฟางซูลี่สังเกตมองไปโดยรอบวังหลวงอย่างพิจารณา นึกถอนหายใจในใจอยู่หลายครา นางเป็นคนที่รักอิสระ การที่จะต้องมาอยู่ในวังหลวงที่กำแพงสูงเสียดฟ้าราวกับคุกเช่นนี้ นางย่อมต้องอึดอัดเป็นแน่
ยิ่งคิดถึงบุรุษที่มีใบหน้าเหมือนอาเว่ยของนางผู้นั้น ฟางซูลี่ก็ถอนหายใจออกมาหลายคำรบ นางกับเขาคงมิได้พบกันอีกแล้วสินะ
เนี่ยหยวนฮวา บุตรสาวของฉู่อ๋องที่เดินอยู่ใกล้ ๆ กับฟางซูลี่ ได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย จึงลอบเบ้ปากก่อนจะหันมาเอ่ยถามฟางซูลี่ด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
"คุณหนูฟาง ได้ยินว่าท่านเป็นบุตรสาวของฉีอ๋องใช่หรือไม่?"
ฟางซูลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปเอ่ยถามเนี่ยหยวนฮวาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"มีสิ่งใดหรือ?"
"อ้อ ข้าเพียงเป็นห่วงคุณหนูฟาง เดิมทีแคว้นฉีก็เป็นเพียงแคว้นเล็ก ได้ยินว่าในทุก ๆ ปีของบรรณาการที่ส่งมาก็น้อยนิดยิ่งนัก ไหน ๆ เราก็จะต้องเข้าวังเป็นพระสนม นับถือรักใคร่กันเหมือนพี่น้อง ข้าจึงอดเห็นใจเจ้าไม่ได้ ยิ่งได้เห็นเจ้าถอนหายใจเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าคงทุกข์ใจเกรงว่าจะไม่เป็นที่โปรดปรานใช่หรือไม่?"
ฟางซูลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะออกมาคราหนึ่ง แต่ทว่าใบหน้าของนางยังคงประดับด้วยรอยยิ้มหวานล้ำ คิดว่านางมองไม่เห็นถึงแววตาสมเพชเวทนาของเนี่ยหยวนฮวาหรือ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฟางซูลี่จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตัดพ้อ
"ขอบคุณคุณหนูเนี่ยที่เป็นห่วง เดิมทีข้าก็กลุ้มใจจริง ๆ ทุกข์ใจยิ่งนัก แต่ไม่ได้ทุกข์ใจเรื่องความยากจนของแคว้นข้า ที่ข้าทุกข์ใจเพราะเกรงว่าความงามของข้าจะทำให้ฝ่าบาททรงหลงใหลจนไม่เห็นหัวพวกเจ้า อย่างไรเสียพวกเราก็รักใคร่นับถือกันเหมือนพี่น้อง ข้าจึงอดเห็นใจพวกเจ้าไม่ได้เช่นเดียวกัน จริง ๆ นะ"
เนี่ยหยวนฮวา "..."
เนี่ยหยวนฮวาและเหล่าสตรีที่ติดตามมาอีกสองแคว้นทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองฟางซูลี่อย่างเกลียดชัง
เหอะ!!! รักใคร่เหมือนพี่น้องหรือ พี่น้องกับผีน่ะสิ!!!
ไม่นานนักฟางซูลี่ก็มาถึงตำหนักหลวนหมิง ซึ่งเป็นที่พำนักของไท่ซ่างหวงอดีตฮ่องเต้ต้าหยวนซึ่งสละราชบัลลังก์ไปก่อนหน้านี้
"เชิญคุณหนูทั้งหลายด้านในตำหนักขอรับ"
ขันทีเอ่ยอย่างนอบน้อม ฟางซูลี่เดินเข้าไปในตำหนักหลวนหมิง ก่อนจะย่อกายทำความเคารพอย่างสง่างาม
"ถวายพระพรไท่ซ่างหวง ถวายพระพรจินไท่เฟย"
"ลุกขึ้นเถิด"
อดีตฮ่องเต้ซ่งหยางจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ในขณะที่จินไท่เฟยเพียงปรายตามองเหล่าสตรีตรงหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉย
เดิมทีนางอยากจะให้จินเจินเอ๋อร์ หลานสาวของนางได้เข้าวังมาเป็นฮองเฮาของซ่งเว่ยหลง
แต่ทว่าลูกเลี้ยงบัดซบผู้นั้นวัน ๆ เอาแต่ทำหน้าตาโหดเหี้ยมใส่นาง!!! จะให้นางทำเช่นไรได้เล่า!!!
อดีตฮ่องเต้มิได้เอ่ยสิ่งใดมากความ เพียงพูดคุยกับเหล่าสตรีน้อยตรงหน้าเพียงไม่กี่ประโยค แล้วจึงให้พวกนางตรงไปยังอุทยานหลวงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้
ระหว่างทางฟางซูลี่ไม่ได้สนทนากับเนี่ยหยวนฮวาอีก เมื่อมาถึงที่อุทยานหลวงนางก็ทิ้งตัวลงนั่งยังที่ที่นางกำนัลจัดเตรียมไว้ให้
อุทยานหลวงแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โตและร่มรื่น สายลมพัดโชยมาเป็นระยะให้ความเย็นสบายเป็นที่สุด ยามนี้คือกลางฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงไม่หนาวมากเท่าใดนัก
"ฝ่าบาทเสด็จ!!!"
เสียงแหลมสูงของขันทีเอ่ยขึ้นมา เหล่าสตรีชั้นสูงและอ๋องต่างแคว้น รวมถึงขุนนางที่เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างรีบยืนขึ้นถวายพระพรฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห่งต้าหยวน
ฟางซูลี่ก้มหน้างุด แต่ทว่านางยังแอบเหลือบสายตาไปมองฮ่องเต้แห่งต้าหยวน เห็นเพียงด้านหลังของเขาที่สวมชุดสีดำปักลวดลายมังกรสีทอง กำลังก้าวเดินขึ้นไปนั่งยังที่นั่งสูงสุดสำหรับฮ่องเต้
"เชิญทุกท่านตามสบาย"
เสียงของเขาทำให้ฟางซูลี่ขมวดคิ้วมุ่น นางจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองฮ่องเต้ต้าหยวนผู้นั้นอย่างไม่รอช้า ทันทีที่เขาหันมา ราวกับโลกทั้งใบของฟางซูลี่หยุดหมุนลงอย่างกะทันหัน
นั่นมิใช่บุรุษหน้าหยกผู้นั้นหรอกหรือ?
